ปตท. ได้รับเกียรติจากบริษัท Thai Petroleum Pipeline Co.,Ltd. ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท ปตท. ผู้ดูแลเรื่องระบบการขนส่งน้ำมันภายในประเทศซึ่งมีบทบาทเป็นอย่างสูงทั้งต่อภาครัฐ และภาคเอกสาร (ยกตัวอย่างเช่น สนามบันสุวรรณภูมิ) เข้าเยี่ยมชม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ
บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือ แทปไลน์ เป็นบริษัที่จัดตั้งขึ้นในปี 2534 โดยมีผู้ถือหุ้นประกอบด้วย ปตท. เอสโซ่ เชลล์ คาลเท็กซ์ ไทยออยล์ คูเวตปิโตรเลี่ยม บรรษัทเงินทุนฯ (ปัจจุบันคือ ธนาคารทหารไทย) บีพี และโมบิล ธุรกิจหลักของบริษัทคือการดูแล และบริการระบบท่อส่งน้ำมัน ซึ่งในปัจจุบันประกอบด้วย 3 โครงการหลักคือ
- ระบบท่อส่งน้ำมันศรีราชา-สระบุรี มีเส้นทางเริ่มต้นจากสถานีส่งน้ำมันต้นทางศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะรับน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ คลังน้ำมันของปตท. และคลังน้ำมันของบริษัท ชลบุรี เทอร์มินัล จำกัด (BP/Q8) เพื่อลำเลียงไปยังคลังปลายทางที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี โดยมีท่อแยกไปยังคลังบาฟส์ ที่บริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง
- ระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยานสุวรรณภูมิ แทปไลน์ได้ขยายระบบท่อจากคลังน้ำมันลำลูกกาไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- ระบบท่อส่งน้ำมันมาบตาพุด - ศรีราชา แทปไลน์ได้ขยายระบบท่อส่งน้ำมันจากศรีราชาไปเชื่อมต่อยังโรงกลั่นน้ำมันระยอง และโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ในการศึกษาดูงาน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครั้งนี้ คุณรัชนี ใจปัญญา หัวหน้าทีมความบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ฝ่ายบริหารความเสี่ยงองค์กร (บอญ.) ทำหน้าที่บรรยาย และนำเสนอรูปแบบการจัดทำระบบบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจตามมาตรฐาน BCM ของกลุ่ม ปตท. ซึ่ง ปตท. สนญ. ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 และเป็นหนึงในปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ ปตท. สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์มหาอุทกภัยมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้คณะผู้ดูงาานยังแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องการบริหารจัดการในช่วงภาวะวิกฤตในช่วงมหาอุทกภัย และภัยคุกคามที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้อีกด้วย